หาที่พักในบอสตันให้ถูกใจไม่ยากอย่างที่คิด

Update: 5 มกราคม 2666
เคยมาแชร์ประสบการณ์หาบ้านเองแล้วเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คนที่กำลังหาบ้านพักในบอสตัน หลังจากอยู่ที่นี่ได้มาเกือบ 15 ปี ตอนนี้ได้ตัดสินใจมาเป็นนายหน้ารับปรึกษาขาย ซื้อหรือเช่าบ้าน หรือหลาย ๆ คนที่นี่จะเรียกว่าเอเจนท์หรือเรียลเตอร์ก็ได้ค่ะ โดยกิ๊กสังกัดอยู่กับ Coldwell Banker ค่ะ ซึ่งถือว่าเป็น Broker ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศก็ได้ค่ะ ดูรายละเอียดของกิ๊กได้ที่เว็บไซต์ของ Coldwell Banker นะคะสนใจหาบ้านในบอสตัน หรือเมืองอื่น ๆ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สามารถติดต่อกิ๊กได้ที่ Email: kiki.williams@cbrealty.com หรือ add line มาที่ @kiki_kik ได้ค่ะ ยินดีให้คำปรึกษาฟรีค่ะ ยินดีให้บริการคนไทยเต็มที่เลยค่ะ

ปล. ถ้าเป็นไปได้อย่าโพสต์อีเมล์ไว้ในช่องคอมเมนท์นะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณเองค่ะ ขอบคุณค่ะ
—————————————————————————————————————————————————–
สวัสดีค่ะ
หายไปนาน มัวแต่ยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ ยังไงก็ตามจะพยายามเข้ามาอัพเดทบ่อยๆ ละกันนะคะ
มีคนถามเยอะค่ะ เรื่องบ้านพัก เข้าใจดีค่ะว่า ค่อนข้างลำบากกิ๊กเองอยู่มา 5 เดือน ก็ย้ายมาแล้ว 3 รอบ ย้ายกันเป็นอาชีพเลยทีเดียวเชียว งั้นวันนี้กิ๊กจะคุยเรื่องการหาบ้านคร่าวๆ ให้ฟังนะคะ
ขอออกตัวก่อนเลยว่านี่มาจากประสบการณ์การส่วนตัวเท่านั้นนะคะ ถ้าหากใครมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ยินดีรับฟังนะคะ
ก่อนอื่น ต้องดูก่อนว่าที่เรียนของคุณอยู่แถวไหน เช่น ถ้าเรียนที่ Boston University ย่าน ​​​Allston หรือ Brighton Avenue หรือแถว Packard’s Corner หรือช่วง Harvard Avenue นี่เป็นที่ยอดฮิตของนักเรียนทั่วไปค่ะ เพราะแถวนั้น มีทั้ง Asian SuperMarket หรือ SuperMarket สัญชาติอเมริกันก็มี ร้านอาหาร ผับ บาร์ มีพร้อม มีรถไฟด้วย (Boston เป็นเมืองหลวงของรัฐ Massachusetts Allston เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ติดกับ Boston เลยค่ะ)
แต่ก็อีกล่ะค่ะ ถ้าเกิดว่า คุณอยู่เมืองไทยมันคงยากหน่อย เพราะว่าคุณไม่มีข้อมูลเรื่องภูมิประเทศของที่นี่เลย ง่ายๆ นะคะ ข้อมูลเบื้องต้นของ Boston ว่าเมืองไหนอยู่ตรงไหนยังไง ลองเข้าไปหาดูที่ http://maps.google.com/ ได้เลยค่ะ
กิ๊ก ลอง copy แผนที่คร่าวๆ ของเมืองมาให้ดูในรูปนี้นะคะ ส่วนเส้นสีแดงสีฟ้าสีเขียว ที่เห็นเป็นสายต่างๆ ของรถไฟค่ะ รถไฟที่นี่เรียก T ค่ะ
สิ่งสำคัญต่อไปคือ มีรถไฟหรือรถเมล์ผ่านหรือไม่ ไม่มีรถก็อยู่ที่นี่ได้ค่อนข้างสะดวกค่ะ เพราะมีรถไฟค่อนข้างสะดวก ดูข้อมูลได้ที่ http://www.mbta.com/ เลยค่ะ โดยส่วนตัวแนะนำให้เลือกที่มีรถไฟใกล้จะดีกว่า เพราะมาบ่อยกว่ารถเมล์ค่ะ เวลาซื้อตั๋วก็ซื้อเป็นตั๋วเดือนไปเลยค่ะ ราคา 59 เหรียญ ใช้ได้ทั้งรถเมล์และรถไฟค่ะ แต่ก่อนจะซื้อต้องมี Charlie Card ก่อนนะคะ หาไม่ยากค่ะ จะวางอยู่แถวๆ สถานีรถไฟนั่นล่ะค่ะ หยิบได้เลย
แผนที่ของ T ใน บอสตันค่ะ
หน้าตาของบัตร Charlie Card ค่ะ
พอได้บริเวณที่ต้องการแล้ว ก็ลองเข้าไปดูใน craiglist.org ก็ได้ค่ะ แต่!จำไว้เลยนะคะว่า อย่า! โอนเงินให้ใครบน craiglist.org เป็นอันขาด และอย่าตกลงเช่าบ้านถ้าคุณไม่เห็นบ้านนั้น แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว craiglist.org เป็นเหมือนตัวกลางระหว่างลูกค้ากับ Realtor เท่านั้น เป็นเหมือนช่องทางในการโฆษณาของ ​Realtor มากกว่าเพราะคำบรรยาย รูปภาพ ต่างๆ ที่ปรากฎ ก็เป็นภาพเดิมๆ คำบรรยายอาจจะใช้คำใหม่ๆ แต่ความหมายเหมือนเดิม ดังนั้น ที่เราทำได้คือ ส่ง e-mail ไปหาเค้าติดต่อขอดูบ้านค่ะ ซึ่งเค้ามักไม่ส่งเมลล์ตอบกลับมา มักจะโทรมาหามากกว่า
กิ๊กติดต่อไปหลายที่มี ถ้าส่งเมล์ไป ควรจะมีข้อมูลให้ชัดเจนค่ะ เช่น ชื่อ เบอร์ติดต่อ ห้องที่ต้องการ Studio, One Bedroom, Two Bedroom ก็ว่ากันไป รวมทั้งBudget ของเรา และเวลาที่จะเข้าไปหาเค้า ให้เค้าไปดูห้องค่ะ
เวลาไปหา realtor จะต้องถามด้วยนะคะว่ามี Realty Fee ไหม ถ้าเลือกได้ ให้บอกเค้าเลยค่ะว่าขอห้องที่ไม่มี Realty Fee และบางที่เค้าต้องการ co-signer ด้วย คือต้องมีคนเซ็นสัญญาสองคน ถ้าเราไม่มีก็ต้องรีบบอกเค้านะคะ